Category Archives: Education

National Neurological Institute: Alzheimer’s News Editors

Alzheimer's News Editors1

ครั้งแรกที่ได้ดูแคมเปญนี้ บอกได้คำเดียวเลยว่า “อื้อหือ” เรียบง่ายแต่ล้ำลึกจริงๆ

แคมเปญนี้เกิดขึ้นที่ประเทศมาซิโดเนีย  แคมเปญนี้เริ่มต้นจากสถาบันประสาทแห่งชาติเค้าอยากจะให้ชาวมาซีโดเนียหันมาสนใจประเด็นเรื่องโรคอัลไซเมอร์กันมากขึ้น อยากให้มาตรวจกันกันตั้งแต่เนิ่นๆก่อนที่มันจะลุกลามไปมากกว่านี้ ก็อย่างที่รู้กันครับโรคนี้มันคือโรคความจำเสื่อม แต่จะขอเสริมอีกนิดนึงว่าคนที่เป็นโรคนี้จะจำเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่ได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องในอดีตนะพ่อคุณเอ้ย เล่าได้ลึกซะยิ่งกว่าเส้นใยทอละเอียดสิบแปดนาโนเมตร

วิธีคิดของแคมเปญนี้น่าสนใจมากครับ ทางทีมงานเค้าก็ได้เข้าไปหากลุ่มผู้ป่วยอัลไซเมอร์จริงๆ แล้วขอให้พวกเค้าเล่า “ข่าว” ที่พวกเค้าจำได้ล่าสุดให้ทีมงานฟัง ซึ่งข่าวที่กลุ่มผู้ป่วยเล่าให้ฟังนั้น ทีมงานก็จะไปค้นหาหนังสือพิมพ์เก่าที่มีข่าวเหล่านั้นอยู่ ตัด แล้วเอามาแปะ ทำเป็นหนังสือพิมพ์เล่มใหม่ จากนั้นทีมงานก็ได้ขอให้หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ในประเทศทั้ง 3 เจ้า เอาหนังสือพิมพ์ฉบับอัลไซเมอร์มาลงไว้ในหน้าแรกในวันอัลไซเมอร์สากล

ลองคิดภาพดูเล่นๆนะครับว่าถ้าสมมติเอามาลงๆทยรัฐหรือเดลินิวส์ จะมีคนไทยเห็นข่าวนี้กี่คน แต่ยังครับ ยังไม่หมด ทางช่องทีวีเค้าก็เล่นด้วย ด้วยการเอาข่าวเก่ามากออกอากาศ อย่างเช่น ข่าวควีนไดอาน่า ข่าว 9/11 ข่าวยานอพอลโล 11 ลงจอดที่ดวงจันทร์ พร้อมกับตบท้ายว่า “ถ้าไม่อยากจำได้แค่เรื่องราวพวกนี้ มึงจงไปตรวจซะ”

ความเจ๋งของแคมเปญนี้น่าสนใจมากครับ เพราะเข้าถึงชาวมาซีโดเนียได้ถึง 68% และมีคนเข้ารับคำปรึกษาเรื่องโรคอัลไซเมอร์มากกว่าเดิมถึง 215% ไม่ใช่เล่นๆเลยนะตัวเธอว์

ก็กลับมาที่คอนเซปต์คลาสสิกสำหรับการทำแคมเปญครับ คือเรื่องของ “การส่งมอบประสบการณ์” แม้แคมเปญนี้จะไม่ได้เน้นสร้างแคมเปญให้ดูอีโม แต่ด้วยช่องทางการสื่อสารที่มีอยู่มหาศาลที่มาพร้อมกับกิมมิคเจ๋งๆที่ทำให้ชาวมาซีโดเนียมีกระตุก จึงทำให้แคมเปญนี้ประสบความสำเร็จได้อย่างไม่มีข้อกังขา เพราะอย่างนี้ นี่เองงงงงงง!

Alzheimer's News Editors2 Alzheimer's News Editors3

Alzheimer's News Editors4

Advertising Agency: Publicis, Skopje, Macedonia

Tagged , , , , , , , , ,

Beat Bowel Cancer Aotearoa: Bums Are Full Of Surprises

Bums Are Full Of Surprises1

มาอีกแล้วครับ สำหรับแคมเปญฮาๆ แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าพระเอกของแคมเปญนี้ไม่ได้อยู่ที่ภาพหรือวิดีโอเครับ แต่มันอยู่ที่ “เสียง”ครับ เพราะฉะนั้น ถ้าคุณไม่ดูวิดีโอแคมเปญนี้ คุณจะไม่เก็ท แล้วคุณจะคุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่องแน่นอนครับ

Beat Bowel Cancer Aotearoa องค์กรที่ทำงานเกี่ยวกับการสร้าง Awareness ให้ความรู้ ช่วยเหลือ และทำวิจัยเกี่ยวกับ “มะเร็งลำไส้” ซึ่งมีสาขาอยู่ทั่วโลก อยากจะทำสร้างแคมเปญที่ให้ผู้คนในนิวซีแลนด์หันมาสนใจปัญหามะเร็งลำไส้กันมากขึ้น เพราะจากสถิติพบว่าในจำนวนคนนิวซีแลนด์ประมาณ 4.5 ล้านคน ทุกๆ 1,000 คนจะตรวจพบคนที่เป็นมะเร็งลำไส้เฉลี่ยทั้งประเทศอยู่ที่ 9.3 คน หรือพูดง่ายๆก็คือคนนิวซีแลนด์จะมีโอกาสเป็นมะเร็งลำไส้เกือบ 1% คิดแบบกลมๆก็หมายความว่าจะมีคนนิวซีแลนด์เป็นมะเร็งลำไส้ถึง 45,000 คน คร่าชีวิตชาวนิวซีแลนด์มากกว่ามะเร็งเต้านมรวมกับมะเร็งต่อมลูกหมากซะอีก (เริ่มเยอะแล้วใช่มั้ยครับ) เค้าก็เลยคิดว่าจะต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อให้คนเริ่มตระหนักถึงปัญหานี้

ถ้าคุณได้ดูวิดีโอเปิดตัวแคมเปญนี้ คุณจะเห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนกางขาอยู่บนรถบรรทุก 2 คัน นายคนนี้ชื่อว่า Jean-Claude Van Damme เป็นนักแสดงชื่อดังที่เก่งด้านหนังบู๊แอคชั่น ซึ่งเค้าถูกจ้างมาเล่นในแคมเปญ The Epic Split เพื่อโชว์แสนยานุภาพของรถบรรทุก Volvo ที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นาน ว่ามันเสถียรขนาดกล้าให้นักแสดงคนนี้ขึ้นไปเล่นอะไรพิเรนทร์ๆแบบนี้ได้
แต่สุดท้ายแล้ว ก่อนที่จะแยกขา 180 องศา ก็มีเสียง “ปี๊ดดดดดดดดดด” ลากยาวออกมา……….. วอทเดอะ!!

Beat Bowel Cancer Aotearoa ได้สร้างเว็บไซท์หนึ่งขึ้นมา ซึ่งโดยหน้าที่หลักๆของมันแล้ว มันคือเว็บที่เอาไว้ตัดต่อ “เสียงตด” ไปใส่ไว้ในวิดีโออื่นๆ ที่ต้องเป็นเสียงตดก็เพราะว่า คนที่เป็นมะเร็งลำไส้จะมีอาการหนึ่งซึ่งผมว่าทุกคนก็น่าจะรู้ซึ่งก็คือ “ควบคุมประตูหลัง” ไม่ค่อยอยู่ ก็อาจจะมีเสียงลมเล็ดลอดออกมาบ้าง กล้อมแกล้มกับพอขมปากขมคอ

แล้วก็โดนกันหมดฮะ เริ่มตั้งแต่วิดีโอแมว การ์ตูน วิดีโอสอนออกกำลังกาย รวมไปถึงวิดีโอดังจากทั่วทั้งมุมโลก แล้วเสียงตดก็มีให้เลือกหลากหลายมาก เริ่มตั้งแต่เสียงตดมด เสียงปืนกล เสียงครกระเบิด ไปจนถึงเสียงเครื่องบินเทคออฟ จะทุ้มจะแหลมจะเบสหนักแค่ไหนก็แล้วแต่จังหวะความคิดสร้างสรรค์ของคุณเลย ซึ่งเมื่อตัดต่อเสร็จ คุณก็สามารถแชร์กับเพื่อนๆบนเฟซบุ๊คหรือแพลตฟอร์มอื่นๆได้

เมื่อเพื่อนของคุณคลิกเข้าไป มันก็จะไปโผล่หน้าวิดีโอที่คุณเพิ่งใส่เสียงตดลงไป แล้วก็จะมีออพชั่นว่าคุณอยากจะบริจาคเพื่อช่วยแก้ไขปัญหานี้หรือไม่ หรือจะเล่นเอาสนุกเฉยๆก็ไม่ว่ากันครับ ไปลองเล่นกันดูที่ http://www.beatbowelcancer.org.nz/bums-are-full-of-surprises/ ได้เลยนะ

พูดง่ายๆก็คือว่าแคมเปญนี้พยายามที่จะ “แย่งซีน” (Hijack) เหล่าคลิปดังๆทั้งหลาย เพื่อให้คนนิวซีแลนด์มาสนใจเรื่องมะเร็งลำไส้กันมากขึ้นครับ ก็นับได้ว่าเป็นการแย่งซีนที่สร้างสรรค์ และสร้างสีสันให้กับโลกใบนี้ โดยที่ไม่ต้องยัดเยียดความรู้ให้เมือยตุ้มกันเลยครับ

เมื่อตะกี้ผมก็ลองเล่นดู อาจจะทำออกมากากๆหน่อย แต่ก็สนุกดีครับ 😀 (http://www.beatbowelcancer.org.nz/fartbomb/video.php?id=540)

อ้อ! แล้วก็อย่าลืมนะครับ เล่นสนุกได้ แต่ขอให้อย่าลืมประเด็นที่เค้าอยากจะสื่อสารด้วยนะครับ อย่าเล่นจนเพลินเน้ออ

Bums Are Full Of Surprises2 Bums Are Full Of Surprises3

Advertising Agency: Whybin\TBWA, Auckland, New Zealand

Tagged , , , , , , , , , ,

[Event] Cannes Lion For Good 2014 at Ma:D

CFG1-01

จบไปเรียบร้อยสำหรับอีเวนท์แรกในชีวิต Cannes Lion For Good 2014 ฟัง Feedback คร่าวๆก็ได้หายใจยาวๆพร้อมกับอุบานเบาๆว่า “รอดแล้วกรู!”

แรกเริ่มเดิมทีงานนี้มันเกิดขึ้นจากที่ผมเขียนบล็อกแนวแคมเปญเพื่อสังคมมาสักพักหนึ่ง ยิ่งเขียนก็ยิ่งรู้สึกว่าถ้าได้ลองทำแคมเปญแบบนี้ในเมืองไทยบ้าง มันก็น่าสร้างมีปรากฏการณ์ใหม่ๆให้กับสังคมบ้านเรา ไปเจอแคมเปญที่ไหนมาก็จะเอามาเล่าให้ทุกๆคนที่ได้เจอฟัง จนกระทั่งวันหนึ่ง พี่กิฟ (มาดี) ไม่รู้เกิดรำคาญหรือยังไงเพราะผมเล่าให้ฟังเกือบทุกวัน พี่เค้าก็เลยบอกว่างั้นลองจัดงานที่เล่าเรื่องแคมเปญดูดีมั้ย? เหมือนสวรรค์ดลใจ อะไรมันจะเข้าทางผมขนาดนี้!

ก่อนอื่นต้องขอแนะนำตัวกันหน่อย ผมชื่อปืนครับ จบรัฐศาสตร์การระหว่างประเทศที่ธรรมศาสตร์ และการที่ผมสนใจงานแคมเปญด้านสังคมมันแทบจะไม่ได้เฉี่ยวกับเรื่องที่ผมเรียนมาเลยซักกะนิด ผมทำกราฟฟิกไม่เป็น พูดก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ก็ยังโชคดีที่ยังได้ตามงานโฆษณามาสม่ำเสมอ ก็เลยเริ่มเห็นเค้าว่างานโฆษณาหลายชิ้นถ้าเอามาปรับใช้กับประเด็นทางสังคมในบ้านเรา มันน่าจะไปได้ไกลและเปลี่ยนแปลงสังคมได้

สี่เดือนก่อนผมก็เลยเริ่มเขียนบล็อกที่รวมรวบเรื่องราวความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรมและแคมเปญเพื่อสังคม และก็ทำเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ นอกจากนี้ผมก็ได้สร้างเพจขึ้นมาเพื่อเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการกระจายข่าวสารแคมเปญทั้งหลายแหละ เชิญติดตามกันได้ที่ Naocrituss’s Blog ครับผม

———————————————————————————————————–

สำหรับงานในครั้งนี้ เราได้รับเกียรติจากพี่แกละ ซึ่งเป็น Associate Creative Director ที่ Ogilvy แล้วพี่เค้าก็เป็นครีเอทีฟเจ้าของผลงานที่ได้รับรางวัลคานส์ไลออน 3 ปีซ้อน เริ่มตั้งแต่ Hair for hope (โรงพยาบาลจุฬาภรณ์), Cut to build (OLFA) และ Return of the ashes (กรมป่าไม้) ได้รับรางวัล Bronze จากเวทีคานส์ไลออนปีล่าสุด

มาเข้าเนื้อหากันเลยดีกว่า!

งานชิ้นแรก เป็นแคมเปญที่เกี่ยวกับการค้ากามผ่านเว็บแคม ซึ่งกำลังเป็นกระแสระบาดไปทั่วโลก เค้าจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร เชิญชมครับ

แคมเปญชิ้นที่สอง พูดถึงมหาเศรษฐีชาวบราซิลคนหนึ่งที่วันดีคืนดีเกิดนึกครึ้มอะไรก็ไม่รู้ แกบอกจะฝังเบนท์เล่ราคาครึ่งล้านเหรียญไว้ที่สนามหญ้าหน้าบ้าน บอกว่าจะเอาไปใช้ตอนแกตาย แกทำแบบนั้นทำไม ไปดูกันครับ

แคมเปญที่ 3 พูดถึงเด็กน้อยที่เป็นมะเร็ง เราจะใช้วิธีแบบไหนที่ทำให้พวกเขาไม่ต้องรู้สึกว่าต้องอยู่สู้กับโรคร้ายนี้เพียงแค่คนเดียว

แคมเปญที่ 4 แคมเปญนี้ผมชอบมากที่สุด เพราะโดยปกติเวลาเราพูดถึงผู้ป่วยมะเร็งเมื่อไหร่ ภาพการทำแคมเปญในหัวจะปิ๊งขึ้นมาทันทีว่าต้องเป็นแนว “ดราม่า” แต่แคมเปญนี้ไม่ครับ เค้ากลับพลิกแคมเปญนี้ให้มี mood and tone แบบ  Feel Good ได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจมาก ต้องดูอย่างแรง

แคมเปญต่อมา พูดถึงเรื่องผลผลิตทางการเกษตรในระบบอุตสาหกรรม ที่ต้องมีการคัดไซส์คัดน้ำหนัก คำถามคือ ผักผลไม้ที่ไม่ผ่านมาตรฐานหรือหน้าตาอัปลักษณ์ล่ะ มันหายไปไหน?

แคมเปญต่อไป เป็นเรื่องของการเชื่อมโยงกลุ่มคนสองกลุ่มที่ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวให้มาเกี่ยวกันได้อย่างน่าทึ่ง คนหนึ่งอยากฝึกภาษา อีกคนนึงอยากมีใครสักคนคอยคุยด้วย ในที่สุดพวกเขาก็ได้พบกัน ส่วนตัวผมชอบวิดีโอ เค้าทำออกมาได้อบอุ่นมากจริงๆ

แคมเปญที่ 7 ลืมภาพการขอรับบริจาคเงินตามสะพานลอยไปได้เลย เพราะครั้งนี้ เพียงแค่สเต็ปเดียวคุณก็ได้ช่วยเหลือผู้อื่นแล้ว

แคมเปญต่อไป หุ่นที่เราเห็นตามร้านเสื้อผ้าดังๆทั้งหลาย นัยหนึ่งมันก็คือการตีกรอบเราว่าความสวยความหล่อมันต้องเป็นแบบนี้นะ แต่ลองมาดูแคมเปญนี้กันว่าเค้ามองความสวยความหล่อในแบบยังไง

แคมเปญที่ 9 ปลาสายพันธุ์หนึ่งที่กำลังทำลายระบบนิเวศในคาบสมุทรแคริบเบียน เราจะจัดการกับมันยังไงดี? บอกเลยเจ้าปลาสายพันธุ์นี้มันโคตรซวยจริงๆ เกิดมาแล้วเ_ือกอร่อย

แคมเปญที่ 10 มีเสืองฮือฮาเล็กน้อย ดูแล้วก็ได้แต่คิดว่าญี่ปุ่นนี่มันญี่ปุ่นจริงๆ เรื่องมันเกิดขึ้นในหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งที่ไม่มีความโดดเด่นอะไรเลย จะมีก็แต่นาข้าว ชาวบ้านเค้าจะพลิกวิกฤตเป็นโอกาสได้อย่างไร เชิญรับชม

แคมเปญที่ 11 ปัญหาไม่มีน้ำสะอาดไว้ดื่มนับเป็นปัญหาใหญ่ปัญหาหนึ่งสำหรับประเทศกำลังพัฒนา เราจะทำยังให้เค้าได้เข้าใจถึงการเข้าถึงแหล่งน้ำสะอาดไปพร้อมๆกับผลิตน้ำสะอาดไปในตัวด้วย

แคมเปญที่ 12 เห็นกันเป็นประจำสำหรับป้ายจราจร แต่จะมีสักกี่คนที่ปฏิบัติตาม แคมเปญนี้เค้าจึงสร้างป้ายจราจรที่ดาเมจสูงมาก แบบที่ว่าดูปุ๊ปแล้วก็ร้องอ๋อทันที

แคมเปญที่ 13 เป็นไปได้ไหมว่า ป้ายบิลบอร์ดธรรมดาจะสร้างประโยชน์ได้มากกว่าให้มันยืนตากแดดเฉยๆ ?

แคมเปญต่อไป อันนี้มาแนวอีโมชั่นค่อนข้างสูงครับ ที่พูดถึงเรื่องคนเกาหลีเหนือที่พยายามลี้ภัยมาที่เกาหลีใต้ แต่สุดท้ายก็ต้องถูกส่งตัวกลับ แน่นอนว่าเหมือนกับส่งคนเข้าโรงฆ่าดีๆนี่เอง แคมเปญนี้เค้าก็เลยทำนิทรรศการที่สื่อให้เห็นว่า ยังมีคนที่เรายังมองไม่เห็นอยู่นะ

แคมเปญต่อไปนะครับ “รอยสัก” กับการอาบแดดมันเป็นความเท่ที่มาคู่กันของวันรุ่นบราซิล โดยหารู้ไม่ว่าการตากแดดนานๆจะทำให้เป็นมะเร็งผิวหนัง จะทำยังไงให้วัยรุ่นหัวแข็งพวกนี้ได้เห็นถึงปัญหา เชิญชมจ้ะ

แคมเปญที่ 16 เด็กที่เกิดมาตาบอดมักเสียเปรียบเด็กทั่วไป การสูญเสียความสามารถด้านการมองเห็นทำให้เด็กถูกปิดกั้นจินตนาการไปส่วนหนึ่ง แคมเปญนี้จะทำยังไงให้เด็กตาบอด ได้รับการเสริมสร้างจินตนาการแม้จะมองไม่เห็น

แคมเปญที่ 17 คนไร้บ้านมักจะเป็นผู้ที่ต้องรอรับความช่วยเหลือ แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเข้าได้สัมผัสประการณ์ของการเป็นผู้เลือกบ้าง

แคมเปญต่อไป คำพูดที่ไม่ทันยั้งคิดของพ่อแม่ อาจกลายเป็นอาวุธที่คอยทิ่มแทงจิตใจเด็ก ซึ่งหากเด็กไม่มีภูมิคุ้มกันมากพอก็มีแนวโน้มจะกลายเป็นอาชญากรในอนาคต แคมเปญนี้จะใช้วิธีการสื่อสารแบบไหน ลองไปดูกันครับ

แคมเปญที่ 19 ในแต่ละปี มหาสมุทรมักเป็นที่รองรับขยะจำนวนมหาศาลจากทั่วโลก จะดีแค่ไหนถ้ามันนำมาทำเป็นกางเกงยีนส์ได้!!

แคมเปญที่ 20 การทรมานนักโทษ กาค้าอาวุธ ความรุนแรงภายในครอบครัว เป็นเรื่องที่แอมเนสตี้ติดตามและต่อสู้มาตลอด แต่ในครั้งนี้เราจะสร้างสัญลักษณ์ที่ซ่อนสิ่งที่มีความหมายอยู่ได้อย่างไร

แคมเปญที่ 21 Mike Ebeling ได้แรงบันดาลใจจากการอ่านหนังสือ บินตรงไปยังแอฟริกาเพื่อสร้างห้องแล็บ 3D printer ให้กับชาวแอฟริกาที่พิการ ขอคารวะให้กับความมุ่งมั่น

แคมเปญที่ 22 การปลูกพืนออร์แกนิคและการเลี้ยงสัตว์แบบเปิดกำลังเป็นกระแส Chipotle ที่เป็นผู้นำผลิตอาหารที่ใช้แนวคิดนี้จึงได้สร้างสื่อที่ทำให้ผู้คนได้เห็นถึงความสำคัญ

แคมเปญแถม สะพาน Mapo ได้ชื่อว่าเป็นสะพานที่มีอัตราการฆ่าตัวตายสูงที่สุดในเกาหลีใต้ เค้าจะใช้วิธีไหนที่จะทำให้คนเปลี่ยนความคิด และกลับไปหาคนที่เรารักที่รอเราอยู่ที่บ้าน

แคมเปญสุดท้าย แม่ ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของนักกีฬาชื่อก้องโลกทั้งหลาย

 

 

 

Tagged , , , , , , , , , , , , , , ,

OPSM: PENNY THE PIRATE

Penny the pirate

เรื่องของเรื่องมันมีอยู่ว่า ตามสถิติในออสเตรเลีย มีคุณแม่หลายท่านที่ไม่ค่อยได้ใส่ใจกับสุขภาพสายตาของคุณลูกมากถึง 40% ซึ่งแน่นอนว่าในระยะยาวไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ เพราะเด็กบางคนเกิดมาพร้อมกับยีนตาบอดสี หรือหนักหน่อยก็อาจจะมีความผิดปกติแบบรุนแรง ซึ่งทางที่ดีที่สุดคือเด็กจะต้องได้รับการรักษาให้ทันท่วงที

ลองจินตนาการว่าตัวเองเป็นเด็กดูสักครั้งนะครับ ถ้าสมมติว่าคุณแม่ของคุณชวนคุณไปตรวจสายตากับคุณหมอ เป็นคุณจะไปไหม? เก็บคำตอบเอาไว้ในใจครับ ไม่ต้องบอกผม เพราะคุณอาจจะเลือกไปหรือไม่ไปก็ได้ แต่ก็อย่างที่เรามีความรู้สึกคุ้นเคยกันดีก็คือ เวลาคุณแม่บอกเราว่า “ไปหาหมอ” “ไปตรวจ” อะไรซัมติง ความรู้สึกเบื้องลึกมันจะทำให้เรารู้สึก “กลัว” ได้เสมอ เรื่องการตรวจสายตาก็คงไม่ต่างกัน

คราวนี้ OPSM ซึ่งเป็นแบรนด์ขายแว่นตาที่ใหญ่ที่สุดในออสเตรเลีย เห็นโอกาสที่จะกระดึ๊บเข้ามาเล่นกับปัญหานี้ โดยเห็นมุมที่แตกต่างว่าไม่เห็นจำเป็นที่เด็กจะต้องออกนอกบ้านไปตรวจ เพียงแค่ใช้วิถีชีวิตแบบเดิมๆนี่ก็ได้

ถ้าดูในหนังก็คงจะเห็นฉากพ่อแม่อ่านนิทานก่อนนอนให้เด็กฟัง พี่แกก็ใช้วิธีนี้แหละครับ แทรกเข้าไปแบบเนียนๆ ด้วยการทำหนังสือนิทานก่อนนอนที่มีเรื่องราวของ Penny หนูน้อยผู้มีความพยายามอย่างสูงที่จะเป็นกัปตันเรือโจรสลัดให้ได้ มีการแทรกเนื้อเรื่องการล่าสมบัติ ไขปริศนาบลาๆๆ โดยที่ซ่อนบททดสอบสายตาของเด็กๆเข้าไปด้วย โดยจะต้องเคลียร์มิชชั่นที่ให้ไว้ซึ่งเป็นการทดสอบสายตา ถ้าเคลียร์ได้ก็แสดงว่าสายตาปกติ (เข้าใจว่าอย่างนั้นนะ)

ด้วยความที่งบประมาณจำกัด แคมเปญหนักสือหลอกเด็กนี้จึงถูกผลิตขึ่้นมาเพียง 400 เล่ม ในขณะที่มีเด็กมากถึง 1 ใน 4 ที่มีปัญหาทางด้านสายตา แคมเปญนี้จึงตั้งเป้าหมายว่าหนังสือเล่มนี้ควรจะได้รับการส่งต่อไปยังคุณแม่ท่านอื่นเช่นกัน และผลลัพธ์ก็น่าสนใจมากครับ ในช่วง 4 เดือนของการเริ่มแคมเปญ หนังสือทั้ง 400 ร้อยเล่มได้เข้าไปโลดแล่นในความคิดของเด็กๆมากกว่า 2,500 คน และจากผลลัพธ์ที่น่าสนใจในครั้งแรกก็ส่งผลไปยังผลลัพธ์ที่ 2 คือ OPSM ตั้งใจว่าจะทำหนังสือแบบนี้แจกจ่ายไปยังออลเตรเลียและนิวซีเลนด์ 300,000 เล่มแบบฟรีๆ!!

Advertising Agency: SAATCHI & SAATCHI Sydney, AUSTRALIA

Tagged , , , , , , , , , , , , , ,

Sahabat Anak & ISCO: Graffiteach – The Learning Walls

Graffiteach1

บรรยากาศบ้านเราที่มีเด็กเดินขายพวงมาลัยตามสี่แยกหรือเด็กที่นั่งขอทานตามสะพานลอย เห็นแล้วก็พลอยนึกสงสารว่าโตขึ้นมาพวกเขาจะเป็นผู่ใหญ่แบบไหน เขาจะได้เข้าโรงเรียนหรือเปล่า ก็ได้แต่คิด คนตัวเล็กๆอย่างเราจะไปทำอะไรได้ ถูกไหมครับ?

บรรยากาศ เด็กตามข้างถนนที่บ้านเราคงไม่ผิดแปลกไปจากอินโดนีเซีย เพื่อนร่วมชาติอาเซียนของเรา แต่สิ่งที่แตกต่างคือพวกเขาลงมือทำอะไรบางอย่างเพื่อให้เด็กๆเหล่านี้รู้สึก รักที่อยากจะเรียนหนังสือ ด้วยวิธีการสร้างสรรค์ ในเมื่อพวกเขารู้ว่าเด็กเหล่านี้ไปโรงเรียนไม่ได้ เขาก็เอาโรงเรียนเข้ามาหาเด็กๆแทนครับ

ศิลปิน กราฟฟิตี้ที่คนทั่วไปมักมองว่าเป็นพวกทำลายข้าวของ หรือดีขึ้นมาหน่อยก็อาจจะทำเป็นงานศิลปะ แต่ก็ไม่ได้สร้างประโยชน์ทางสังคม ผู้จัดแคมเปญเขาก็เชิญคนเหล่านี้มาช่วยกันเนรมิตบนเรียนวิชาภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และวิชาอื่นๆอีกมากมายมาไว้ตามกำแพงหรือตอม่อสะพาน เรียกได้ว่าเป็นบทเรียนแบบ Infographic ที่ผมเห็นแล้วยังรู้สึกอิจฉาเลย

จาก นั้นก็เชิญครูอาสามาช่วยกันสอนเด็กๆ พร้อมกับทำหนังสือรูปภาพ “Graffiteach” เพื่อให้เข้าถึงเด็กด้อยโอกาสในกลุ่มอื่นๆและเพื่อเป็นแบบฝึกหัดด้วย

แคมเปญนี้มีเด็กๆเข้าร่วมมากถึง 200 คน หนังสือรูปภาพถึงมือเด็กๆกว่า 800 เล่ม ไม่เลวเลยใช่ไหมครับ 🙂

ถึงแม้ว่าแคมเปญนี้จะไม่มีศักยภาพถึงขนาดดึงเด็กๆออกจากสภาพความเป็นอยู่ ปัจจุบันเพื่อผลักดันเข้าสู่ระบบการศึกษาได้ แต่อย่างน้อยที่สุด แคมเปญนี้ก็ได้ปลูกฝังนิสัยรักการเรียนรู้ให้กับเด็กตัวน้อย  ผมว่าโอเคเลยนะ 🙂

This project brought maths, science and English lessons to street children who don’t attend school through graffiti art and teacher-led lessons on the street.

Graffiteach6

Graffiteach2 Graffiteach3 Graffiteach4 Graffiteach5

Advertising Agency: The Campaign Palace Indonesia

 

 

Tagged , , , , , , , , ,

Vodafone: Digital Library wallpaper

Digital Wallpaper

เป็นที่ถกเถียงกันมานานในสังคมว่าหนังสือดิจิตอลจะมาแทนหนังสือเล่มจริงได้หรือไม่ ไม่ว่าคุณจะตอบว่าจริงหรือไม่จริง แคมเปญนี้คงไม่มีคำตอบให้ชัดเจนครับ แค่แคมเปญนี้จะชี้ให้เห็นถึงฟังค์ชั่นที่คล้ายกันของหนังสือทั้งสองแบบ นั่นก็คือ การตกแต่งบ้าน

คงปฏิเสธยากว่าชั้นหนังสือที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางบ้าน แท้จริงแล้วมันก็เป็นเหมือนเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้านชิ้นหนึ่งที่มีเรื่องราวและเสริมโหงวเฮ้งผู้มีความรู้ให้กับเจ้าของบ้าน แต่ปัญหาของชั้นวางหนังสือพี่เบิ้มนี้ก็คือ มันต้องคอยปัดกวาดเช็ดถูอยู่เสมอ อีกทั้งตัวหนังสือก็อาจจะเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา Vodafone บริษัทด้านสื่อสารที่น่าจะรู้จักกันดีมองเห็นโอกาสที่จะเข้ามาในบ้านของผู้คนพร้อมกับโปรโมท Mobile Data Plan แบบเนียนๆ

แคมเปญนี้มันเริ่มจากการที่ Vodafone ไปจับมือกับ Mobeexpert ซึ่งเป็นแบรนด์ค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโรมาเนีย ยักษ์ใหญ่สองเจ้านี้ต้องการผสมผสานคอนเซปต์การตกแต่งภายในควบคู่ไปกับการใช้อินเตอร์เน็ตบนมือถือ แคมเปญนี้เค้าให้ชื่อว่า “Digital Library wallpaper” นึกภาพง่ายๆก็คือแผ่นวอลเปเปอร์ธรรมดานี่แหละครับ แต่แค่ทำให้มันเป็นรูปชั้นวางหนังสือ ฟังดูธรรมดา แต่ความเจ๋งของมันซ่อนอยู่ตรงที่วอลเปเปอร์ชั้นหนังสือนี้เราสามารถกำหนดขนาดของชั้นหนังสือ การตกแต่งชั้นหนังสือ รวมถึงหนังสือเล่มที่เราอยากจะอ่านได้ด้วย เมื่อจัดแต่งใน Digital เสร็จเรียบร้อย ทางนั้นเค้าก็จะส่งวอลเปเปอร์มาให้เราที่บ้าน โดยที่หนังสือที่เราเลือกตอนแรกสามารถสแกน QR Code และอ่านได้จริงๆ โดยที่เราไม่ต้องเปลืองพื้นที่ ไม่ต้องดูแลรักษา ไม่ต้องเสียเงินเยอะๆเพื่อซื้อหนังสือเข้าตู้ หนังสือก็ไม่เสื่อมสภาพ แถมยังชวนให้คนที่มาเยี่ยมบ้านได้หนังสือกลับไปอ่านแบบไม่ต้องกังวลว่าจะได้คืนหรือเปล่าด้วย

แต่ แต่ แต่ มันก็กลับมาที่ปัญหาเดิมว่าหนังสือดิจิตอลมันคงมาแทนของจริงไม่ได้ แถมวอลเปเปอร์มันก็ดูจืดชืดไม่มีมิติ แถมในบางครั้งอาจจะกลายเป็นทำลายบรรยากาศไป แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามทุกอย่างมีข้อดีข้อเสียเสมอครับ ถ้าเรามองมันเป็นวอลเปเปอร์ มันก็จะมีคุณค่ามาก แต่ถ้าเรามองมันเป็นตู้หนังสือเราก็อาจจะผิดหวังตรงที่มันขาดสัมผัส เอาเป็นว่าขอให้เลือกให้ตรงกับ Lifestyle ของแต่ละคนก็แล้วกัน แค่นี้นะ บัย

Advertising Agency: McCann, Bucharest, Romania

Tagged , , , , , , , , , ,

WWF: Seastars

WWF SEASTARS

WWF campaign from the Netherlands. Campaign to rase awareness for our Oceans who are in real danger and need worldwide protection. Seastars is a platform where you can help like rebuilding reefs and be a star for the sea. The song was conducted for this campaign and made it in top 50 charts of the Netherlands. The singer who performed the song ‘World of Blue’ is Wyke van Weelden. A Dutch young singer songwriter from the Netherlands. The orchestra is Guido’s Orchestra. The commercials is produced by Not Too Scale and directed by French directors duo Pierre & Bertrand.

Advertising AgencyOgilvy & Mather, Amsterdam, Netherlands

Tagged , , , , , , , ,

The Body Shop: Be More than Beautiful

The Body Shop Be More than Beautiful

Ever wonder what kind of role models we are creating for our little girls to learn from? 

The distorted models of womanhood come in all forms – from the perfected beauty of celebrities, to the cultural norms of being ‘quiet’ and ‘good’. 

The Body Shop Malaysia wants to encourage society to think beyond the current norms of beauty, and advocate creating and celebrating women of substance – in short, for women to ‘Be more than beautiful’.

If you feel the same way, please do share this video with friends, family and loved ones. Together, we can make a difference.

Tagged , , , , , ,